วันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2557

วันที่ 12 : ข้ออ้างของชายหน้าขาวว๊อก

      จะรู้ได้ไงว่าดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางจักวาลท้ั้งจักวาล อาจมีดวงอาทิตย์ดวงอื่นๆอีกก็ได้

       ตื่นตอนเช้า หาวนิดหนึ่ง  จู่ๆปิ๊งแว๊บขึ้นมาเรื่องของสิ่งที่น่ากลัว อย่างหนึ่งที่อยู่ในตัวเรา คือ กลัวว่าโลกนี้ไม่มีอะไรให้เรียนรู้อีกแล้ว กลัวว่าเราคิดว่าเราแน่ เราดีกว่าคนอื่นในโลกนี้ หนักกว่านั้น คือ เราคือศูนย์กลางแห่งจักรวาล น่ากลัวมากกกกกกกกกก.....

      วันนี้มีนิทานจะเล่าให้ฟังเรื่องหนึ่ง เพิ่งคิดขึ้นได้ตะกี้
      ไม่ต้องสาธยายไร มาก ไม่ต้องกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ขอขึ้นแบบแหวกๆว่า
      ปิ๊งแว็บเมื่อตะกี้ มีชายหนุ่มหน้าตาพอไปวัดไปโบสถ์กับเขาได้ ตื่นขึ้นมาตอนเช้าหาวอยู่ 3 ครั้ง จากนั้นก็แต่งตัวเดินออกไปจากบ้างแบบไม่เกรงใจใคร สำรวจแล้วไม่ลืมใส่กางเกงและไม่ลืมรูดซิปก็เดินออกจากบ้างไป ตั้งป้อมในใจว่าทุกคนที่ฉั้นเดินผ่านถือว่าขี้เหร่กว่าฉันหมด ว่าแล้วก็กระหยิ่มยิ้มย่องในใจ

      ขณะที่ชายคนนี้เดินผ่านใครก็แล้วแต่ กลับพบปรากฎการณ์และคำพูดที่เป็นคำคำเดียวกันว่า "ไอ้หน้าขาวเอ๊ย" แล้วก็ตามมาด้วยเสียงหัวเราะ และปิดจมูก คนแรกไม่เท่าไหร่ คนต่อๆไปทำเช่นนั้น ชายหน้าขาวก็ยังพลิกสถานกาณ์มองโลกในแง่ดีแบบผิดกาละ คิดว่า คนเหล่านั้นหัวเราะในความหน้าตาดีของเขา และที่สำคัญ คือ คำว่าไอ้หน้าขาวว๊อก คือ คำชม และที่ปิดจมูกเพราะทนกลิ่นความหล่อของเขาไม่ไหว 5555555 เทพไมละครับคนคนนี้

     จบ
     นิทานสั้นๆเรื่องนี้ ให้แง่คิดว่า..........
     (หยุดให้คิดสัก 3 นาที)
 
     1 นาที ผ่านไป
     2 นาที ผ่านไป
     3 นาที ผ่านไป

เฉลย.........
       ว่า ตื่นนอนตอนเช้า อย่างแรกที่ควรจะทำ คือ ส่องกระจกดูตัวเองให้ถี่ถ้วน แปรงฟันขัดเกลานิสัยไม่ดีของเมื่อวาน และหัดมองอะไรให้เห็นตามความเป็นจริงซะทีเถอะ อย่าลืมเอาสติมาฟาดกระหม่อมตัวเอง แล้วบอกกับตัวเองว่า "เราตื่นแล้ววววววว"

       จบจริงๆครับ
      วันนี้คุณมีสติแล้วหรือยัง?



วันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2557

วันที่ 11 : อย่ารอเจ้าชายขี่ม้าขาวอีกเลย

วันที่ 11 : อย่ารอเจ้าชายขี่ม้าขาวอีกเลย

โอกาสมีมากล้นเหลือสำหรับผู้ที่รู้จักสร้าง แต่ไม่เคยมีสำหรับผู้ที่หายใจไปวันๆ

ในวันหนึ่งที่ผมนอนดูการ์ตูนเจ้าหญิงกับลูกสาว จู่ๆผมก็เอ่ยปากบอกเธอว่า "ลูกเอ่ย โตขึ้นอย่ามัวแต่รอเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วยอยู่อีกเลย เสียเวลาเปล่าอย่างหนูก็เป็นเจ้าชายได้"

โดยนัยแล้วผมค่อนข้างหงุดหงิดที่เห็นเจ้าหญิงนอนสลบสไหลแบบไม่รู้สึกตัว รอคอยเจ้าชายขี่ม้าขาวจัดการกับแม่มด แล้วมาจบที่การจูจุ๊บเจ้าหญิงให้ฟื้นตื่นขึ้นมาเจอเจ้าชายจบฉากแค่นี้ก่อน ก่อนที่ทุกอย่างมันจะโลกสวยกว่านี้

หากเปรียบการเป็นเจ้าชาย คือ โอกาส โอกาสที่ได้ถือดาบมีอำนาจต่อสู้กับอุปสรรคอย่างแม่มดร้ายอย่างไม่เกรงขาม โอกาสที่จะครองสมบัติมหาศาล และโอกาสอื่นๆอีกมากมาย แต่เจ้าหญิงทำไมต้องนอนไร้สติเพื่อรอโอกาสนั้นอยู่อย่างนั้น ไม่ปลุกตัวเองกลายร่างเป็นโอกาส หรือเจ้าชายเพื่อลุกขึ้นมาจัดการกับปัญหา อุปสรรค ถือดาบฟาดฟันให้มันอยู่หมัดด้วยมือของตัวเองซะละ อย่าแช่แข็งตัวเองนอนนิ่งแบบเจ้าหญิงนานเกินไป นานจนคิดไม่ออกว่าจะลุกขึ้นมาแบบไหน ซ้ำร้ายไปกว่านัน คือ ควากลัวที่ลุกขึ้นมาแล้วเจอกับความจริงที่รับไม่ได้ ทั้งๆที่มันคือ ความจริงและแถมยังเป็นความจริงของโอกาสอีกต่างหาก

ถ้าเรามั่นใจขนาดนี้แล้ว อย่าลังเลที่จะเป็นเพียงเจ้าหญิงอยู่เลย กลายร่างเป็นเจ้าชายซะเอง คือ หนทางที่จะทำให้ชีวิตที่อยู่ในกำมือของตัวเองให้ดีขึ้นได้

เริ่มได้ตั้งแต่วันนี้ครับ